เดลินิวส์ - อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์:: ข่าวกีฬา
ข่าวไทยรัฐออนไลน์:: ข่าวกีฬา
วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ประวัติว่ายน้ำสากล

ประวัติว่ายน้ำสากล
กีฬาว่ายน้ำ (Swimming) ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้ำ ลำคลอง และที่ราบลุ่มต่างๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ำกันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้ำในถ้ำบนภูเขาแถบทะเลทรายลิบยาน
การว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย
การว่ายน้ำได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก Ralph Thomas ให้ชื่อแบบว่ายน้ำที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก (Human stroke) นอกจากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวกสแกนดิเนเวียรู้จักการว่ายน้ำอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้ำคล้ายกบว่ายน้ำ หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิก (Flogkick) แต่วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก
การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท (Woolwich Baths) ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2416 การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขันเพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ (Free style) โดยผู้ว่ายน้ำแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ J. Arhur Trudgen เป็นผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ คือแบบยกแขนกลับเหนือน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้ำของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อว่า ท่าว่ายน้ำแบบทรัดเจน (Trudgen stroke)
ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2418 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสำเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาวอเมริกันชื่อ Gertude Ederle ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2469 ทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที โดยว่ายน้ำแบบท่าวัดวา (Crawa stroke) จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี
การว่ายน้ำได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทำได้ แบบและวิธีว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้นเสมอ ในบรรดานักว่ายน้ำทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร์และออสเตรเลีย ได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้ำแบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ Barney Kieran ชาวออสเตรเลียและ T. S. Battersby ชาวอังกฤษ ได้ว่ายน้ำแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2449-2415
Alex Wickham ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้ำแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลก ระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้ำแบบวัดวาจึงเป็นที่นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป
กีฬาว่ายน้ำได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436 และได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้ำก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้ำเพื่อความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น
ประวัติกีฬาว่ายน้ำในประเทศไทย
สมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้จดทะเบียนสมาคมต่อกรมตำรวจเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2502 ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมว่ายน้ำฯคนแรกคือ พลเรือโท สวัสดิ์ ภูติอนันต์ ร.น. ในปีเดียวกันนี้สมาคมว่ายน้ำฯได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติในปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลได้อนุมัติเงินงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างสระว่ายน้ำมาตรฐานขนาดความยาว 50 เมตร กว้าง 25 เมตร พร้อมทั้งที่กระโดดน้ำ และอัฒจันทร์คนดูจำนวน 5,000 ที่นั่ง ณ บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ และเปิดใช้ในการแข่งขัน เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2506 เรียกว่า สระว่ายน้ำโอลิมปิก (ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นสระว่ายน้ำวิสุทธารามย์) และสมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ว่ายน้ำแห่งเอเชียในปี พ.ศ. 2509
ในปี พ.ศ. 2548 สมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทยเปลี่ยนชื่อเป็น “สมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย” ชื่อย่อ ส.ว.ท. ชื่อภาษาอังกฤษ THAILAND SWIMMING ASSOCIATION ชื่อย่อ AST สมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ( ส.ว.ท. ) เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนการเล่นกีฬาว่ายน้ำ กระโดดน้ำ โปโลน้ำ และระบำใต้น้ำ
ปัจจุบันกีฬาว่ายน้ำในประเทศไทยได้รับความสนใจจากประชาชนมากยิ่งขึ้น ประกอบกับกระทรวงศึกษาธิการได้บรรจุกีฬาว่ายน้ำไว้ในหลักสูตรเกือบทุกระดับ มีการจัดกิจกรรมการแข่งขันตลอดทั้งปี บรรจุลงในการแข่งขันระดับประเทศ คือ กีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาแห่งชาติ กีฬาชิงแชมป์ประเทศไทยทั้งสระ 50 เมตร สระ 25 เมตร
ส่วนระดับนาๆชาติก็มีการจัดการแข่งขันในระดับ ซีเกมส์ เอเชียเกมส์ โอลิมปิค ชิงแชมป์โลกทั้งสระ 50 เมตร สระ 25 เมตร ระดับเยาวชนก็มีรายการซีเอจกรุ๊ป เอเชียเอจกรุ๊ป กีฬาว่ายน้ำนักเรียนอาเซียนเป็นต้น
กติกาการแข่งขันว่ายน้ำ
การตัดสิน
ลำดับที่ผู้แข่งขันทุกคนจะกำหนดโดยการเปรียบเทียบเวลาที่เป็นทางการของแต่ละคนถ้าเวลาทางการเท่ากันหลายๆ คน ก็ให้ลำดับที่เท่ากันในรายการนั้นๆ ได้
ผู้ควบคุมการแข่งขัน
ผู้ตัดสินชี้ขาด 1 คน
กรรมการดูฟาวล์ 4 คน
ผู้ปล่อยตัว 2 คน
หัวหน้ากรรมการดูการกลับตัว (อยู่คนละด้านของสระ) 2 คน
กรรมการดูการกลับตัว (อยู่คนละด้านของสระ) 2 คน
หัวหน้าผู้บันทึก 1 คน
ผู้บันทึก 1 คน
ผู้รับรายงานตัว 2 คน
กรรมการเชือกฟาวล์ 1 คน
ผู้ประกาศ 1 คน
กรรมการดูฟาวล์ 4 คน
ผู้ปล่อยตัว 2 คน
หัวหน้ากรรมการดูการกลับตัว (อยู่คนละด้านของสระ) 2 คน
กรรมการดูการกลับตัว (อยู่คนละด้านของสระ) 2 คน
หัวหน้าผู้บันทึก 1 คน
ผู้บันทึก 1 คน
ผู้รับรายงานตัว 2 คน
กรรมการเชือกฟาวล์ 1 คน
ผู้ประกาศ 1 คน
จากการแข่งขันไม่สามารถใช้อุปกรณ์แบบอัตโนมัติได้ จะต้องมีการแต่ตั้งกรรมการเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น คือ
หัวหน้าผู้จับเวลา 1 คน
ผู้จับเวลาลู่ละ 3 คน
(กรรมการจับเวลาสำรอง 2 คน)
หัวหน้าเส้นชัย 1 คน
กรรมการเส้นชัย (อย่างน้อย) 1 คน
ผู้จับเวลาลู่ละ 3 คน
(กรรมการจับเวลาสำรอง 2 คน)
หัวหน้าเส้นชัย 1 คน
กรรมการเส้นชัย (อย่างน้อย) 1 คน
หน้าที่
- ผู้ตัดสินชี้ขาด เป็นผู้ควบคุมและมีอำนาจสูงที่สุด โดยจะมอบหมายหน้าที่ และให้คำชี้แนะกับเจ้าหน้าที่ต่างๆ จะต้องตัดสินปัญหาทุกชนิดการตัดสินขั้นสุดท้ายถือเป็นสิ้นสุดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
- ผู้ปล่อยตัว มีอำนาจควบคุมการแข่งขันอย่างเต็มที่ เมื่อได้รับสัญญาณมือจากผู้ตัดสินชี้ขาด การปล่อยตัวแต่ละรายการผู้ปล่อยตัวจะอยู่หางจากสระ 5 เมตร
- ผู้รับรายงานตัว ต้องเตรียมกรอกรายชื่อนักว่ายน้ำลงในแบบฟอร์มแต่ละรายการก่อนการแข่งขัน
- หัวหน้ากรรมการดูการกลับตัว ดูแลว่าเจ้าหน้าที่ดูการกลับตัวทุกคน ทำหน้าที่ในการแข่งขันเป็นอย่างดี เมื่อพบเห็นว่ามีการทำผิดกติกาจะต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินชี้ขาดทราบทันที่
- กรรมการดูการกลับตัว ต้องดูแลและเตือนเมื่อนักว่ายน้ำในลู่ของตนว่ายเข้ามาเหลือระยะทางอีก 5 เมตร
- กรรมการดูการฟาวล์ ต้องเป็นผู้เข้าใจในกติกาเป็นอย่างดี และจะต้องช่วยดูการกลับตัวจากผู้ช่วยกรรมการกลับตัว และจะต้องทำการบันทึกการทำผิดกติกาของแต่ละลู่ ให้ต่อผู้ตัดสินชี้ขาด
- หัวหน้าผู้จับเวลา ต้องเก็บรวบรวมแบบฟอร์มบันทึกเวลาของกรรมการจับเวลาทุกคน ในกรณีที่นาฬิกาจับเวลาไม่สามารถจับเวลาได้ หัวหน้าผู้จับเวลาอาจทำการตรวจสอบนาฬิกาเรือนนั้น
- กรรมการจับเวลา นาฬิกา แต่ละเรือนจะต้องได้รับจากคณะกรรมการดำเนินการแข่งขัน จะต้องเดินเวลาเมื่อมีสัญญาณเริ่ม และต้องหยุดเวลาเมื่อผู้เข้าแข่งขันในลู่ว่ายของเขาได้สิ้นสุดการว่ายที่สมบูรณ์
- หัวหน้ากรรมการเส้นชัย เป็นผู้มอบหมายให้กรรมการเส้นชัยแต่ละคนอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้ และกรรมการเส้นชัยจะรวบรวมข้อมูลลำดับที่ให้หัวหน้ากรรมการเส้นชัย หัวหน้ากรรมการเส้นชัยจะต้องนำส่งผลต่อผู้ตัดสินชี้ขาด และจะต้องบันทึกข้อมูลการแข่งขันที่ใบบันทึกด้วยเครื่องอัตโนมัติ ภายหลังการแข่งขันแต่ละรายการสิ้นสุด
- กรรมการเส้นชัย มีหน้าที่กดปุ่มสัญญาณเท่านั้นจะต้องไม่ทำหน้าที่ก้าวก่ายการจับเวลาในรายการเดียวกัน
- เจ้าหน้าที่ควบคุมการแข่งขัน รับผิดชอบตรวจสอบผลการแข่งขัน กรรมการทุกคนจะต้องตัดสินใจด้วยตัวของตัวเอง นอกเสียจากว่าปัญหานั้นๆ กติกาได้บอกไว้อย่างชัดเจนแล้ว
การจับเวลา
- ให้มีจุดทศนิยม 2 ตำแหน่ง
- ถ้านาฬิกาจับเวลา 2 ใน 3 เรือน เท่ากันให้ใช้การจับเวลานั้น
- ถ้านาฬิกาทั้ง 3 เรือนนั้น ไม่ตรงกัน ให้ใช้เวลาของนาฬิกาที่เป็นเวลาที่เป็นทางการ
- ถ้านาฬิกาจับเวลา 2 ใน 3 เรือน เท่ากันให้ใช้การจับเวลานั้น
- ถ้านาฬิกาทั้ง 3 เรือนนั้น ไม่ตรงกัน ให้ใช้เวลาของนาฬิกาที่เป็นเวลาที่เป็นทางการ
แนะนำการดูว่ายน้ำ
1. การจัดเข้าลู่ว่ายในรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ
1.1 การแข่งขันอื่นๆ อาจใช้ระบบจับฉลากเป็นเครื่องกำหนดตำแหน่งลู่ว่ายของผู้เข้าแข่งขันได้
1.2 ถ้าเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ การจัดเข้าสู่ลู่ว่าย ดังนี้
– รอบคัดเลือก ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องแจ้งเวลาว่ายของตนไม่เกิน 12 เดือน ไว้ในใบสมัครใครไม่แจ้งถือว่ามีเวลาช้าที่สุด และอยู่ในลำดับสุดท้ายของบัญชีรายชื่อ ถ้ามีหลายคนให้ตัดสินโดยการจับฉลาก
– ถ้ามี 2 ชุด ผู้มีเวลาเร็วที่สุดให้อยู่ในชุดที่ 2 ให้ผู้มีเวลาเร็วคนที่ 2 อยู่ในชุดที่ 1 ผู้มีเวลาเร็วเป็นคนที่ 3 ให้อยู่ในชุดที่ 2 และผู้มีเวลาเร็วคนที่ 4 อยู่ในชุดที่ 1 สลับไปเรื่อยๆ
– ถ้ามี 3 ชุด ผู้มีเวลาเร็วที่สุดอยู่ในชุดที่ 3 ผู้ที่มีเวลาเร็วคนที่ 2 อยู่ในชุดที่ 2 ผู้มีเวลาเร็วคนที่ 3 อยู่ในชุดที่ 1 สลับไปเรื่อย (ชุด 3-2-1)
– ถ้ามี 4 ชุด หรือมากกว่า ใน 3 ชุด ให้จัดเหมือนกันกับชุดที่ 3 โดยที่ผู้มีเวลาเร็วที่สุดให้ไปชุดที่ 4 (ชุด 4-3-2-1) การกำหนดลู่ของการว่าย 50 เมตร ลู่หมายเลข 1 จะอยู่ทางขวาของสระเมื่อยืนหันหน้าไปทางปลายสระ ผู้มีเวลาเร็วที่สุดจะอยู่กลางสระลู่ที่ 3 หรือ 4 คนที่มีเวลารองลงไปให้อยู่ทาง…มือของคนแรก คนที่มีเวลารองลงไปอีกให้อยู่ทาง…มือของคนแรก สลับกันไปเรื่อยๆ ถ้าเวลาเท่ากันให้จับฉลาก
1.2 ถ้าเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ การจัดเข้าสู่ลู่ว่าย ดังนี้
– รอบคัดเลือก ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องแจ้งเวลาว่ายของตนไม่เกิน 12 เดือน ไว้ในใบสมัครใครไม่แจ้งถือว่ามีเวลาช้าที่สุด และอยู่ในลำดับสุดท้ายของบัญชีรายชื่อ ถ้ามีหลายคนให้ตัดสินโดยการจับฉลาก
– ถ้ามี 2 ชุด ผู้มีเวลาเร็วที่สุดให้อยู่ในชุดที่ 2 ให้ผู้มีเวลาเร็วคนที่ 2 อยู่ในชุดที่ 1 ผู้มีเวลาเร็วเป็นคนที่ 3 ให้อยู่ในชุดที่ 2 และผู้มีเวลาเร็วคนที่ 4 อยู่ในชุดที่ 1 สลับไปเรื่อยๆ
– ถ้ามี 3 ชุด ผู้มีเวลาเร็วที่สุดอยู่ในชุดที่ 3 ผู้ที่มีเวลาเร็วคนที่ 2 อยู่ในชุดที่ 2 ผู้มีเวลาเร็วคนที่ 3 อยู่ในชุดที่ 1 สลับไปเรื่อย (ชุด 3-2-1)
– ถ้ามี 4 ชุด หรือมากกว่า ใน 3 ชุด ให้จัดเหมือนกันกับชุดที่ 3 โดยที่ผู้มีเวลาเร็วที่สุดให้ไปชุดที่ 4 (ชุด 4-3-2-1) การกำหนดลู่ของการว่าย 50 เมตร ลู่หมายเลข 1 จะอยู่ทางขวาของสระเมื่อยืนหันหน้าไปทางปลายสระ ผู้มีเวลาเร็วที่สุดจะอยู่กลางสระลู่ที่ 3 หรือ 4 คนที่มีเวลารองลงไปให้อยู่ทาง…มือของคนแรก คนที่มีเวลารองลงไปอีกให้อยู่ทาง…มือของคนแรก สลับกันไปเรื่อยๆ ถ้าเวลาเท่ากันให้จับฉลาก
2. การเริ่มต้นแตกต่างกัน ดังนี้
2.1 ฟรีสไตล์ , กบ และผีเสื้อ จะต้องเริ่มโดยการกระโดดพุ่งตัวออกจากแท่นกระโดดลงไปในน้ำ
2.2 กรรเชียง และผลัดผสม จะต้องเริ่มจากในน้ำ
2.3 การเริ่มต้นที่มีการฟาวล์เกิดขึ้น จะต้องมีเสียงสัญญาณการฟาวล์ และจะต้องปล่อยเชือกฟาวล์ลงไปในน้ำด้วย
2.2 กรรเชียง และผลัดผสม จะต้องเริ่มจากในน้ำ
2.3 การเริ่มต้นที่มีการฟาวล์เกิดขึ้น จะต้องมีเสียงสัญญาณการฟาวล์ และจะต้องปล่อยเชือกฟาวล์ลงไปในน้ำด้วย
3. แบบของการว่าย มีหลายแบบ คือ
3.1 การว่ายแบบฟรีสไตล์ คือการว่ายแบบใดก็ได้ยกเว้นการว่ายแบบเดี่ยวผสม หรือผลัดผสมจะต้องว่ายนอกเหนือจากการว่ายแบบกรรเชียง, กบ หรือผีเสื้อ การกลับตัวก็สามารถที่จะใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดแตะขอบสระได้
3.2 การว่ายแบบกรรเชียง จะต้องถีบตัวออกในลักษณะนอนหงาย ต้องว่ายในท่านอนหงายตลอดการแข่งขัน บางส่วนของร่างกายต้องพ้นผิวน้ำตลอดการแข่งขัน ยกเว้นเวลากลับตัวจะจมน้ำไม่เกิน 15 เมตร เมื่อกลับตัวแล้วจะต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายแตะผนังสระและเข้าเส้นชัยในท่านอนหงาย
3.3 การว่ายแบบกบ จะต้องอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า แขนทั้ง 2 ข้างจะต้องเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน มือทั้ง 2 ต้องพุ้งไปข้างหน้าพร้อมกันส่วนข้อศอกอยู่ใต้ผิวน้ำเมื่อดึงมือไปข้างหน้าพร้อมกันจะต้องอยู่ใต้ผิวน้ำ ขาทั้ง 2 ต้องเคลื่อนที่พร้อมกัน การเตะเท้า เตะไปด้านหลัง การกลับตัว การเข้าเส้นชัยต้องแตะด้วยมือทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน การดึงแขน 1 ครั้ง และการเตะขา 1 ครั้ง จะต้องมีบางส่วนของศีรษะโผล่พ้นระดับให้เห็น ยกเว้นการกลับตัวให้ดำน้ำได้ 1 ครั้ง
3.4 การว่ายแบบผีเสื้อ จะต้องคว่ำหน้าตลอดระยะทาง ไม่ให้ม้วนตัวหงายกลับในการกลับตัว แขนทั้ง 2 จะต้องยกเหนือน้ำพร้อมๆ กัน การเข้าเส้นชัย และการกลับตัวจะต้องแตะขอบสระด้วยมือทั้ง 2 พร้อมๆ กันดึงแขนใต้น้ำได้ 1 ครั้งเท่านั้น
3.5 การว่ายแบบผสม
3.5.1 การว่ายแบบเดี่ยวผสม ผู้เข้าแข่งขันจะต้องว่าย 4 แบบ ตามลำดับ ผีเสื้อ, กรรเชียง, กบ, และฟรีสไตล์
3.5.2 การว่ายแบบผลัดผสม มีผู้เข้าแข่งขัน 4 คน ต้องว่ายคนละ 1 แบบ ตามลำดับ คือ กรรเชียง, กบ, ผีเสื้อ และฟรีสไตล์
3.2 การว่ายแบบกรรเชียง จะต้องถีบตัวออกในลักษณะนอนหงาย ต้องว่ายในท่านอนหงายตลอดการแข่งขัน บางส่วนของร่างกายต้องพ้นผิวน้ำตลอดการแข่งขัน ยกเว้นเวลากลับตัวจะจมน้ำไม่เกิน 15 เมตร เมื่อกลับตัวแล้วจะต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายแตะผนังสระและเข้าเส้นชัยในท่านอนหงาย
3.3 การว่ายแบบกบ จะต้องอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า แขนทั้ง 2 ข้างจะต้องเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน มือทั้ง 2 ต้องพุ้งไปข้างหน้าพร้อมกันส่วนข้อศอกอยู่ใต้ผิวน้ำเมื่อดึงมือไปข้างหน้าพร้อมกันจะต้องอยู่ใต้ผิวน้ำ ขาทั้ง 2 ต้องเคลื่อนที่พร้อมกัน การเตะเท้า เตะไปด้านหลัง การกลับตัว การเข้าเส้นชัยต้องแตะด้วยมือทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน การดึงแขน 1 ครั้ง และการเตะขา 1 ครั้ง จะต้องมีบางส่วนของศีรษะโผล่พ้นระดับให้เห็น ยกเว้นการกลับตัวให้ดำน้ำได้ 1 ครั้ง
3.4 การว่ายแบบผีเสื้อ จะต้องคว่ำหน้าตลอดระยะทาง ไม่ให้ม้วนตัวหงายกลับในการกลับตัว แขนทั้ง 2 จะต้องยกเหนือน้ำพร้อมๆ กัน การเข้าเส้นชัย และการกลับตัวจะต้องแตะขอบสระด้วยมือทั้ง 2 พร้อมๆ กันดึงแขนใต้น้ำได้ 1 ครั้งเท่านั้น
3.5 การว่ายแบบผสม
3.5.1 การว่ายแบบเดี่ยวผสม ผู้เข้าแข่งขันจะต้องว่าย 4 แบบ ตามลำดับ ผีเสื้อ, กรรเชียง, กบ, และฟรีสไตล์
3.5.2 การว่ายแบบผลัดผสม มีผู้เข้าแข่งขัน 4 คน ต้องว่ายคนละ 1 แบบ ตามลำดับ คือ กรรเชียง, กบ, ผีเสื้อ และฟรีสไตล์
4. การแข่งขัน
ผู้เข้าแข่งขันจะต้องว่ายตลอดระยะทางที่กำหนดไว้ ต้องเข้าเส้นชัยตามลู่เดิมที่เขาตั้งต้น การกลับตัวต้องกระทำกับผนังหรือขอบสระเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เดินหรือก้าวที่ก้นสระ ผู้ที่ว่ายเข้าไปในลู่ของคนอื่นจะถูกปรับให้แพ้ การแข่งขันว่ายผลัดจะต้องมีทีมละ 4 คน และถ้าผู้เล่นคนใดกระโดดออกจากแท่นก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะว่ายเข้ามาแตะผนังสระ จะต้องให้ออกจากการแข่งขัน ยกเว้นขากลับมาแตะอีกครั้งหนึ่ง…… โดยไม่ต้องขึ้นไปกระโดด ผู้ว่ายผลัดเมื่อว่ายเสร็จแล้ว จะต้องขึ้นจากสระทันที
ชนิดของการแข่งขัน (จะมีการบันทึกเป็นสถิติโลก)
ฟรีสไตล์ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500 เมตร
กรรเชียง 100 และ 200 เมตร
กบ 100 และ 200 เมตร
ผีเสื้อ 100 และ 200 เมตร
เดี่ยวผสม 200 และ 400 เมตร
ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร
ผลัดผสม 4 x 100 เมตร
ฟรีสไตล์ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500 เมตร
กรรเชียง 100 และ 200 เมตร
กบ 100 และ 200 เมตร
ผีเสื้อ 100 และ 200 เมตร
เดี่ยวผสม 200 และ 400 เมตร
ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร
ผลัดผสม 4 x 100 เมตร
ภาพยนตร์ต่างประเทศ
นักแสดงนำ
- แซม เวิร์ธธิงตัน รับบทเป็น เจค ซัลลี นาวิกโยธินสหรัฐผู้ตอบรับเข้าร่วมโครงการอวตารแทนฝาแฝดที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
- ซิเกอร์นี วีเวอร์ รับบทเป็น ดร. เกรซ ออกัสติน นักพฤกษศาสตร์
- มิเชลล์ โรดิเกวซ รับบทเป็น ทรูดี ชาร์คอน นักบินจากกองทัพเรือสหรัฐ
- โจเอล เดวิด มัวร์ รับบทเป็น นอร์ม สเปลแมน นักมานุษยวิทยา
- สตีเฟน แลง รับบทเป็น พันเอกไมล์ ควอริตช์ บทนี้ ไมเคิล บีห์น สนใจที่จะมาแสดงเช่นกัน แต่คาเมรอนไม่อยากให้บีห์นแสดงร่วมกับซิเกอร์นี วีเวอร์ เหมือนในภาพยนตร์ เอเลี่ยน 2
- จิโอวานี ริบิซี รับบทเป็น ปาร์คเกอร์ เซลฟรินจ์ ผู้อำนวยการ SecFor
นักแสดงนำ
- เอ็ดเวิร์ด คัลเลน - แวมไพร์หนุ่มผู้เพียบพร้อม มีเสน่ห์ต่อสาวๆ ทุกคน มีความสามารถในการอ่านใจ และสามารถสะกดจิตได้โดยสายตา ครั้งเป็นมนุษย์กำลังจะตายด้วยไข้หวัดใหญ่สเปน คาร์ไลล์จึงช่วยไว้โดยเปลี่ยนเอ็ดเวิร์ดเป็นแวมไพร์
- เบลล่า สวอน - เด็กสาวที่ย้ายมาจากเมืองฟีนิกซ์ รัฐอริโซน่า ไม่ธรรมดาเพราะมีความสามารถในการสกัดใจโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
- ชาร์ลี สวอน - พ่อของเบลล่า เป็นสารวัตเมืองฟอร์คส
- เรเน่ ไดเยอร์ - แม่ของเบลล่า เกลียดอากาศที่หนาวเย็นฝนตกเฉอะแฉะ จึงเลิกกับชาร์ลีไปแต่งงานใหม่
- ฟิล ไดเยอร์ - สามีใหม่เรเน่
- เจมส์ - ศัตรูของเอ็ดเวิร์ด มีความสามารถในเรื่องสามารถตามหาบุคคลที่ต้องการจะเจอได้
- วิคตอเรีย - ศัตรูของเอ็ดเวิร์ด คู่รักของเจมส์
- โลรองต์ - ศัตรูของเอ็ดเวิร์ด พอมีด้านดีอยู่ในตัวบ้าง
- เอสเม่ คัลเลน - แม่บุญธรรมของเอ็ดเวิร์ด มีความสามารถที่จะมอบความรักให้แก่บุคคลรอบข้าง
- ดร.คาร์ไลล์ คัลเลน - พ่อบุญธรรมของเอ็ดเวิร์ด มีความเมตตา เป็นคนที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดกลายเป็นแวมไพร์
- เอ็มเม็ตต์ คัลเลน - พี่ชายเอ็ดเวิร์ด มีพละกำลังมหาศาล
- โรซาลี ลิลเลี่ยน เฮล คัลเลน - พี่สาว (พี่สะใภ้) เอ็ดเวิร์ด คู่รักเอ็มเม็ตต์ แฝดผมทองแจสเปอร์
- อลิซ คัลเลน - น้องสาวเอ็ดเวิร์ด มีความสามารถในการมองเห็นอนาคต แต่ความสามารถไม่ตายตัว เพราะอนาคตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
- แจสเปอร์ เฮล - คู่รักอลิซ แฝดผมทองโรซาลี เพิ่งเลิกดื่มเลือดมนุษย์ มีความรู้ด้านอุปนิสัยของแวมไพร์เกิดใหม่
- เจคอบ แบล็ค - มนุษย์หมาป่า เป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์แวมไพร์ หลงรักเบลล่า
- บิลลี่ แบล็ค - พ่อของเจคอบ เพื่อนชาร์ลี ไม่ถูกกับพวกคัลเลนเพราะเป็นเผ่าพันธุ์ศัตรู
- ไมค์ นิวตัน - เพื่อนเบลล่า แอบชอบเบลล่า เคยชวนเบลล่าไปงานพร็อมแต่เบลล่าปฏิเสธเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจเจสสิก้า
- เจสสิก้า แสตนลีย์ - เพื่อนเบลล่า แอบชอบไมค์ นิวตัน
- เอริค - เพื่อนเบลล่า
- แองเจล่า เวเบอร์ - เพื่อนเบลล่า
ภาพยนตร์ไทย
นักแสดงนำ
- เปาวลี พรพิมล รับบทเป็น ผึ้ง, พุ่มพวง ดวงจันทร์
- ณัฐวุฒิ สกิดใจ รับบทเป็น ธีระพล แสนสุข
- วิทยา เจตะภัย รับบทเป็น ครูมนต์ เมืองเหนือ
- บุญโทน คนหนุ่ม รับบทเป็น ไวพจน์ เพชรสุพรรณ
- กิตติ เชี่ยววงศ์กุล รับบทเป็น วิทวัส สุนทรวิเนตร์
- ครีม ธิธาชา รับบทเป็น น้ำหวาน หลานย่าโม
- เรืองฤทธิ์ วิสมล รับบทเป็น ไกรสร แสงอนันต์
นักแสดงนำ
- พ.ท. วันชนะ สวัสดี
- พ.ท. วินธฃ, นพชัย ชัยนาม
- ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ
- ฉัตรชัย เปล่งพานิช
- จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์
- อินทิรา เจริญปุระ
- เกรซ มหาดำรงค์กุล
นักแสดงนำ
- คุณาธิป ปิ่นประดับ รับบท นิก
- วิทวัส ท้าวคำลือ รับบท มาร์ค
- ภูวดล เวชวงศา รับบท เจมส์
- กิตติพัฒน์ สมานตระกูลชัย รับบท บิว
- วรชัย ศิริคงสุวรรณ รับบท เทป
- ฤทธิชัย ตะสาริกา รับบท ออย
- ไบรอัน การ์ตั้น รับบท ไบรอัน
- ศุภกิจ อมรฐิติพงศ์ รับบท เบ็นซ์
- สิรภพ มานาธิคุณ รับบท เน็ท
- ภัทรวรินทร์ ทิมกุล รับบท ครูพรรณี
- ฌัชฌา รุจินานนท์ รับบท ครูวันเพ็ญ
- ปิติพน พรตรีสัตย์ รับบท ครูสมาน
วี วีรภาพ
ชื่อ – สกุล : วีรภาพ สุภาพไพบูลย์
ชื่อเล่น : วีวัน เดือน ปีเกิด : 9 กันยายน 2523
อายุ : 33 ปี
น้ำหนัก : 76 กก.
ส่วนสูง : 189 ซม.
การศึกษา
- อนุบาลโรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์
-ประถมศึกษาเรียนโรงเรียนทับทอง
-มัธยมโรงเรียนสารวิทยา
-สอบได้คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ก่อนย้ายไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3ภูมิลำเนา : กรุงเทพมหานคร
อาชีพ : นักแสดง, พิธีกร
คติประจำใจ :
ผลงานภาพยนตร์ :
- สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ (2551)
- ผีตุ๋มติ๋ม (2552)
- แฟนตาสติคโฟร์ : กำเนิดซิลเวอร์ เซิร์ฟเวอร์ ...เสียงพากย์ รีด ริชาร์ด/มนุษย์ยางยืด
ผลงานละคร
- ชยา จาก กว่าจะรู้เดียงสา
- เลอสรร จาก คมพยาบาท
- ทรงพล จาก แม่อายสะอื้น
- ผู้กองเผด็จ จาก ผักบุ้งกับกุ้งนาง
- พระยาสีหโยธิน จาก นางทาส
- รเมศ จาก บ่วงหงส์
- ศักดิ์ระพี (คุณเล็ก) จากตะวันยอแสง
- ลุย หล่มสัก จาก ลุย
- ขุนเดช จาก ขุนเดช
รางวัลที่ได้รับ
- ปี 2550 1 ใน 10 ผู้เข้าชิงรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม จากละคร "บุษบาเร่รัก" ในงานประกาศรางวัล ท็อปอวอร์ด 2007
- ปี 2553 1 ใน 5 ผู้เข้าชิงรางวัลพระเอก HOT แห่งปี จากงานประกาศรางวัล ทีวีอินไซด์ ฮอท อวอร์ด 2010
- ปี 2553 รางวัล พระเอกนักบู๊ขวัญใจมหาชน ในงานครบรอบ 19ปี นิตยสารทีวีพูล
- ปี 2554 Top Talk-About Actor 2011 ดารานำแสดงชายที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด
- ปี 2555 Top Talk-About Actor 2012 ดารานำแสดงชายที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด
นุ่น วรนุช
ชื่อ – สกุล : วรนุช ภิรมย์ภักดี
ชื่อเล่น : นุ่นวัน เดือน ปีเกิด : 24 กันยายน 2523
อายุ : 33 ปี
น้ำหนัก : 44 กก.
ส่วนสูง : 165 ซม.
ภูมิลำเนา : กรุงเทพมหานคร
อาชีพ : นักแสดง, พิธีกร
คติประจำใจ : พยายามคิดก่อนทำ และก็ทำให้ดี
ผลงานภาพยนตร์ : เฉิ่ม เปิงมาง
ผลงานละคร
- ม่านไหม (หนอนไหม) จากละครปอบผีฟ้า
- เจ้ามิ่งหล้า จากละครรากนครา
- โนห์รา ทองเติมจากละครโนห์รา
- แสนเสน่ห์จากละคร เปรตวัดสุทัศน์
- พาไล จากละคร รหัสริษยา
- วาดจันทร์ จากละคร กาษานาคา
- อัญชัน ราชสีห์ จากละครคมแฝก
- เพียงฟ้า จากละครรุกฆาต
- อรนุช จากละครกุหลาบเหนือเมฆ
- รจเรข/กล้วย จากละคร ค่าของคน
- ดาวนิล จากละคร แม่อายสะอื้น
- น้ำฟ้า จากละคร เส้นตายสลายโสด
- ลำยอง จากละคร ทองเนื้อเก้า
รางวัลที่ได้รับ
- รับรางวัล คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 3 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง "เฉิ่ม"
- ดาราหญิงไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2548 จาก เอแบคโพล อันดับที่ 3 คะแนนเฉลี่ยโดยรวม 16.3%
- รับรางวัลช่อสะอาดปี 2553 สาขานักแสดงนำฝ่ายหญิง จากละครเรื่อง "รุกฆาต"
- เสนอชื่อเข้าชิงรางวัล TV Inside Hot Awards 2010 สาขาคู่รัก Hot แห่งปี (วรนุช+ปิติ)
- ดาราหญิงไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2553 จาก เอแบคโพลล์ อันดับที่ 7 (คะแนนรวมอยู่ในอื่นๆ)
- สวยเริ่ดอันดับที่ 4 จากการจัดอันดับโพลดารา 2553 หน่วยงานบันเทิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คะแนนเฉลี่ยโดยรวม 12.3%
- รางวัลสาวเซ็กซี่ของ San Mig Light-Siambanterng Star's Choice Awards 2009 และ 50 Sexy Awards
- รางวัลสาวเซ็กซี่ลำดับที่ 13 จาก Top 30 FHM Sexiest Women in the World 2010 จาก นิตยสาร FHM
- คู่รักคนดังที่วัยรุ่นยกให้เป็นคู่รักต้นแบบ (วรนุช - ปิติ) จากกรุงเทพโพลล์ อันดับที่ 4 ร้อยละ 5.5
- รับรางวัล TV Inside Hot Awards 2009 สาขาคู่รัก Hot แห่งปี (วรนุช+ปิติ)
- ดาราหญิงไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2552 จาก เอแบคโพลล์ อันดับที่ 4 คะแนนเฉลี่ยโดยรวม 9.7%
- นางเอกในดวงใจอันดับที่ 5 จากการจัดอันดับโพลดารา 2552 หน่วยงานบันเทิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คะแนนเฉลี่ยโดยรวม 8.8%
- สวยหยาดเยิ้มอันดับที่ 5 จากการจัดอันดับโพลดารา 2552 หน่วยงานบันเทิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คะแนนเฉลี่ยโดยรวม 9.8%
- ขวัญใจมหาชน อันดับที่ 6 จากการจัดอันดับโพลดารา 2552 หน่วยงานบันเทิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (คะแนนรวมอยู่ในอื่นๆ)
- ดาราขวัญใจเด็ก จากการจัดอันดับของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อันดับที่ 4 คะแนนเฉลี่ยโดยรวม 3.3%
- TV Pool Poll : Special Top 10 Fashion อันดับ 4
- รางวัลสาวเซ็กซี่ลำดับที่ 50 จาก Top 30 FHM Sexiest Women in the World 2009 จาก นิตยสาร FHM
- รางวัลขวัญใจไฮโซ จาก Twenty top Idol (ขวัญใจ 20 อาชีพ) นิตยสาร Gossip Star
กีฬาตะกร้อ
ประวัติตะกร้อ กีฬาระดับภูมิภาคเอเชีย

ในการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาค หรือทวีปเอเชียอย่างซีเกมส์ และเอเชี่ยนเกมส์ นับได้ว่า เซปักตะกร้อ หรือ ตะกร้อ เป็นกีฬาความหวังเหรียญทองของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และวันนี้เราจะมารู้จักกับกฎกติกาการเล่นตะกร้อคร่าว ๆ กัน
ประวัติเซปักตะกร้อ
กีฬาเซปักตะกร้อ หรือ ตะกร้อ ยังไม่มีหลักฐานระบุที่แน่ชัดว่ามีจุดกำเนิดจากประเทศใด เพราะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ไทย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ต่างคนต่างบอกว่าตนเองเป็นต้นกำเนิดขึ้นมาทั้งนั้น แต่สำหรับของไทย มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นิยมเล่นกันบนลานกว้าง ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น และลูกตะกร้อทำมาจากหวาย หรือบางทีก็มีเตะตะกร้อลอดห่วง
สำหรับตะกร้อแบบข้ามตาข่ายในปัจจุบัน ที่มีการเล่นฝั่งละ 3 คน นำมาจากประเทศมาเลเซีย คือ เซปัก รากา จาริง หรือ เซปักตะกร้อ ซึ่งดัดแปลงมาจากวอลเลย์บอล และย่อสนามให้เล็กลง โดยที่เริ่มเผยแพร่ในประเทศไทยประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน พ.ศ. 2508 ในงานกีฬาไทย
กติกาการเล่นตะกร้อ

สนามตะกร้อ
สนามเซปักตะกร้อ เป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 13.4 เมตร กว้าง 6.1 เมตร เป็นพื้นพลาสติก โดยจะแบ่งเขตแดนออกเป็น 2 ส่วน เท่า ๆ กัน และในแต่ละเขตแดนจะกำหนดจุดยืนสำหรับการเริ่มต้นเสิร์ฟ 3 จุดด้วยกัน คือ จุดที่อยู่ตรงมุมที่ติดกับตาข่าย 2 จุด ขีดเส้นโค้งวงกลมเอาไว้ และจุดที่อยู่กลางแดน เยื้องไปทางด้านหลัง 1 จุด ขีดเส้นวงกลม โดยทั้ง 3 จุดนี้จะจัดเป็นรูปสามเหลี่ยมสมมาตรพอดี
สำหรับมุมที่ติดกับตาข่าย 2 จุด เรียกว่า หน้าซ้าย หน้าขวา และวงกลมที่อยู่กลางเขตแดน คือ จุดเสิร์ฟ
ตาข่าย
ตาข่ายสำหรับเซปักตะกร้อ มีไว้กั้นเขตแดนระหว่างสองฝั่ง กว้าง 70 เซนติเมตร ยาวไม่น้อยกว่า 6.1 เมตร โดยสำหรับการแข่งขันของผู้ชายสูง 1.52 เมตร และหญิง สูง 1.42 เมตร

ลูกเซปักตะกร้อ
ลูกเซปักตะกร้อปัจจุบันทำมาจากพลาสติก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 42-45 เซนติเมตร มีรูอยู่ตรงลูกตะกร้อรวม 12 รูด้วยกัน มีจุดตัดไขว้ 20 จุด

การเล่นตะกร้อ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ ตะกร้อปกติที่มี 3 คน และตะกร้อคู่ 2 คน กล่าวคือ เมื่อก่อนมีแต่การแข่งขันตะกร้อปกติ ทว่าเพิ่มตะกร้อแบบคู่ขึ้นมา เพราะต้องการกระจายเหรียญทองของกีฬาชนิดนี้ได้มากขึ้น

วิธีการเล่น
จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มเสิร์ฟ เตะข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง โดยที่ฝ่ายที่ได้ลูกตะกร้อต้องพยายามเตะตะกร้อให้ตกลงพื้นของอีกฝั่งให้ได้ ขณะที่ฝ่ายตั้งรับก็ต้องป้องกัน ไม่ให้ลูกตะกร้อตกลงบนแดนตัวเอง และเปลี่ยนสภาพเป็นฝ่ายบุกเพื่อทำให้ลูกตะกร้อตกลงบนแดนของอีกฝั่งให้ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ แต่ละฝ่ายจะมีโอกาสเตะลูกตะกร้อให้อยู่ในแดนตัวเองไม่เกิน 3 ครั้ง นับตั้งแต่ฝ่ายตรงข้ามเตะตะกร้อข้ามมา
ส่วนการเสิร์ฟ ผลัดกันเสิร์ฟ ทีมละ 3 ครั้ง สลับกันไปเรื่อย ๆ
การคิดคะแนน
1. สามารถเตะลูกตะกร้อลงบนแดนฝั่งตรงข้ามได้ ได้ 1 คะแนน (รวมการเสิร์ฟ)
2. ฝ่ายตรงข้ามเตะลูกตะกร้อไม่ข้ามเน็ต ได้ 1 คะแนน (รวมการเสิร์ฟ)
3. ฝ่ายตรงข้ามเตะข้ามแดนมาแล้ว แต่บอลไม่ตกในเขตแดนที่ระบุ ได้ 1 คะแนน
การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ใน 5 เซต แต่ละเซต ใครทำได้ถึง 15 คะแนนก่อน ได้เซตนั้น ยกเว้น เสมอกัน 14-14 จะมีผู้ได้เซตก็ต่อเมื่อทำแต้มทิ้งขาด 2 คะแนน แต่แต้มสูงสุดทั้งหมดจะไม่เกิน 17 คะแนน
กีฬาวอลเลย์บอล
ประวัติ กีฬาวอลเลย์บอล
กีฬาวอลเลย์บอลเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬายอดนิยม ที่มีการแข่งขันระดับชาติ และนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย จนถูกรวมเข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนชั้นมัธยมศึกษาในหลายโรงเรียน ซึ่งหลายคนก็คงอยากรู้จักกับกีฬาวอลเลย์บอลให้มากขึ้นเพื่อความสนุกในการชมและเชียร์กีฬาชนิดนี้ใช่ไหมเอ่ย ? วันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลของกีฬาวอลเลย์บอลมาฝากกันจ้า ..
ประวัติวอลเลย์บอล
กีฬาวอลเลย์บอล (Volleyball) นั้น ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1895 (พ.ศ.2438) โดย นายวิลเลียม จี. มอร์แกน (William G. Morgan) ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. (Young Men's Christian Association) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการมีกีฬาสำหรับเล่นในช่วงฤดูหนาวแทนกีฬากลางแจ้ง เพื่อออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจยามหิมะตก
โดย นายวิลเลียม จี. มอร์แกน เกิดไอเดียในการพัฒนากีฬาวอลเลย์บอลขึ้น ขณะที่เขากำลังนั่งดูเทนนิส และเลือกนำเอาตาข่ายกลางสนามของกีฬาเทนนิส มาเป็นส่วนประกอบในกีฬาที่เขาคิดค้น และเลือกใช้ยางในของลูกบาสเก็ตบอล มาเป็นลูกบอลที่ใช้ตีโต้ตอบกันไปมา แต่ยางในของลูกบาสเก็ตบอลกลับให้น้ำหนักเบาจนเกินไป จึงเปลี่ยนไปใช้ลูกบาสเก็ตบอลแทน ซึ่งลูกบาสเก็ตบอลก็มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากจนเกินไปอีก เขาจึงสั่งทำลูกบอลขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ ในขนาดเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว และกำหนดน้ำหนักไว้ที่ 8-12 ออนซ์ จากนั้นจึงตั้งชื่อกีฬาชนิดนี้ว่า มินโทเนตต์ (Mintonette)
ต่อมา ชื่อของ มินโทเนตต์ (Mintonette) ถูกเปลี่ยนเป็น วอลเลย์บอล (Volleyball) หลังได้รับคำแนะนำจาก ศาสตราจารย์ อัลเฟรด ที เฮลสเตด (Professor Alfred T. Helstead) ในงานประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ (Spring-field College) เมื่อปี ค.ศ.1896 (พ.ศ.2439) และกลายเป็นกีฬายอดนิยมในหมู่ประชาชนชาวอเมริกัน จนแพร่หลายออกไปทั่วโลก รวมทั้งมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่เป็นระยะ
กติกาวอลเลย์บอล

- จะต้องเป็นพื้นไม้หรือพื้นปูนที่มีลักษณะเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวาง
- เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 9 เมตร ยาว 12 เมตร ความสูงจากพื้นประมาณ 7 เมตร มีบริเวณโดยรอบห่างจากสนามประมาณ 3 เมตร
- แต่หากเป็นสนามมาตรฐานในระดับนานาชาติ กำหนดให้รอบสนามห่างจากสนามประมาณ 5 เมตร ด้านหลังห่าง 8 เมตร และมีความสูง 12.5 เมตร
- เส้นรอบสนาม (Boundary lines) ทุกเส้นจะต้องกว้าง 5 เซนติเมตร เป็นสีอ่อนตัดกับพื้นสนาม มองเห็นได้ชัดเจน
- เส้นแบ่งเขตแดน (Center line) ที่อยู่ตรงกลางสนาม จะต้องอยู่ใต้ตาข่าย หรือตรงกับเสาตาข่ายพอดี

- จะต้องมีความสูงจากพื้น 2.43 เมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 9.5 - 10 เมตร
- ตารางในตาข่ายกว้าง 10 เซนติเมตร ผู้ติดไว้กับเสากลางสนาม
- ตาข่ายสำหรับทีมหญิงสูง 2.24 เมตร


- เป็นทรงกลมมีเส้นรอบวงประมาณ 65-67 เซนติเมตร น้ำหนัก 260-280 กรัม
- ทำจากหนังสังเคราะห์ที่ยืดหยุ่นได้
- ซึ่งในการแข่งขันระดับโลกจะใช้ลูกบอล 3 ลูกต่อการแข่งขัน เพื่อความต่อเนื่องหากบอลออกนอกสนาม

- ในทีมจะต้องมีผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้ฝึกสอน 1 คน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1 คน และแพทย์ 1 คน
- ผู้เล่นจะลงเล่นในสนามได้ครั้งละ 6 คน โดยแบ่งออกเป็นหน้าตาข่าย 3 คน และด้านหลังอีก 3 คน
- สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นครั้งละกี่คนก็ได้ โดยผู้เล่นเดิมที่ถูกเปลี่ยนออก สามารถเปลี่ยนกลับมาเล่นในสนามได้อีก
- การแต่งกายในชุดแข่งขัน ต้องแต่งกายเหมือนกันทั้งทีม ประกอบไปด้วย เสื้อสวมคอ กางเกงขาสั้น ถุงเท้า และรองเท้าผ้าใบพื้นยางที่ไม่มีส้น โดยผู้เล่นแต่ละคนจะต้องติดหมายเลขกำกับไว้ที่เสื้อ กำหนดให้ใช้เลข 1-18 เท่านั้น สำหรับหัวหน้าทีมจะต้องมีแถบผ้าขนาด 8x2 เซนติเมตร ติดอยู่ใต้หมายเลขบริเวณอกเสื้อด้วย

วิธีการเล่น
- ทีมที่ได้เสิร์ฟ จะต้องให้ผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งขวาหลัง เป็นผู้เสิร์ฟเพื่อเปิดเกม จากนั้นผู้เล่นทุกตำแหน่งจะขยับตำแหน่งวนไปตามเข็มนาฬิกา
- การเสิร์ฟจะต้องรอฟังสัญญาณนกหวีดก่อน และให้เริ่มเสิร์ฟลูกบอลภายใน 5 วินาที
- ทีมที่ได้คะแนนจะเป็นผู้ได้เสิร์ฟ จนกว่าจะเสียคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามจึงจะเปลี่ยนเสิร์ฟ
- เมื่อลูกเข้ามาในเขตแดนของทีม จะสามารถเล่นบอลได้มากที่สุด 3 ครั้งเท่านั้น
- สามารถบล็อคลูกบอลจากฝ่ายตรงข้ามที่หน้าตาข่ายได้ แต่หากผู้เล่นล้ำเข้าไปในแดนของฝ่ายตรงข้ามจะถือว่าฟาวล์
- สามารถขอเวลานอกได้ 2 ครั้งต่อ 1 เซต ให้เวลาครั้งละ 30 วินาที
- ทุกครั้งที่แข่งขันจบ 1 เซต จะต้องมีการเปลี่ยนฝั่ง
การคิดคะแนน
- ทีมจะได้คะแนนเมื่อลูกบอลตกลงในเขตสนามของฝ่ายตรงข้าม โดยนับเป็นลูกละ 1 คะแนน และหากมีการเสียคะแนน จะต้องเปลี่ยนให้ทีมที่ได้คะแนนเป็นผู้เสิร์ฟ
- หากทีมไหนได้คะแนนครบ 25 คะแนนก่อน ก็จะเป็นผู้ชนะในเซตนั้นไป แต่หากคะแนนเสมอกันที่ 24-24 จะต้องมีการดิวซ์ (Deuce) หมายถึงต้องทำคะแนนให้มากกว่าอีกฝ่าย 2 คะแนน ถึงจะเป็นผู้ชนะ เช่น 26-24 หรือ 27-25 เป็นต้น
- ต้องแข่งขันกันให้ชนะ 3 ใน 5 เซต จึงจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)